วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite)


เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) 



                        อโฟรไดท์ (อังกฤษ: Aphrodite; ละติน: Venus) เป็นเทพเจ้าแห่งความรัก  ความปรารถนา และความงาม ของกรีก ชื่ออื่นๆ ที่เรียกนอกจากนี้คือ “ไคพริส” (Kypris) “ไซธีเรีย” (Cytherea) ซึ่งเรียกตามสถานที่ ไซปรัส และ ไซธีรา ซึ่งเชื่อว่า เป็นที่เกิดของอโฟรไดท์ ในส่วนของศักดิ์สิทธิประจำตัวของอโฟรไดท์ คือ ต้นเมอร์เติล (Myrtle) นกพิราบ นกกระจอก และ หงส์ โดย เทพีอโฟรไดท์ เทียบได้กับเทพีวีนัส ในตำนานเทพเจ้าโรมัน
                         เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส (Venus) เป็น เทวีแห่งความรัก และความงาม สามารถสะกดเทพ และ มนุษย์ทั้งปวง ให้ลุ่มหลง โดยอาจทำให้สติปัญญาของผู้ฉลาดตกอยู่ในความโฉดเขลา



                   

กำเนิด

การกำเนิดของแอฟรอไดทีมีอยู่ 2 ความเชื่อ ความเชื่อแรกนั้นเชื่อว่าแอฟรอไดทีถือกำเนิดขึ้นจากฟองน้ำในมหาสมุทร และความชื่อที่สองเชื่อว่าแอฟรอไดทีเป็นบุตรีของซุสกับนางไดโอนี
คำว่า อะฟรอส ในชื่อของแอฟรอไดที หมายถึงฟองน้ำทะเล และคำว่าแอฟรอไดที ก็หมายถึง เกิดขึ้นจากฟองน้ำทะเล
เชื่อกันว่าเมื่อครั้งที่โครนอสทำการโค่นอำนาจจากยูเรนัส โครนอสได้โยนบิดาของตนเองลงในมหาสมุทร ทำให้เกิดฟองน้ำที่มีเด็กหญิงอยู่ภายในขึ้น และหลังจากเด็กหญิงผู้นั้นเติบโต เธอก็ลอยมาติดฝั่งพาฟอส ของไซปรัส โดยมีเปลือกหอยเป็นพาหนะ
อีกความเชื่อหนึ่ง เชื่อว่าแอฟรอไดทีเป็นบุตรของซุส และไดโอนีแห่งเกาะดอโดน่า และว่าไดโอนีคือมเหสีองค์แรกของซูสก่อนที่จะสมรสกับเทพีเฮรา

ชีวิตรัก

เทพีแอฟรอไดทีเป็นหนึ่งในเทพีที่เลื่องชื่อด้านความสัมพันธ์เชิงชู้สาวมาก พระนางได้รับบัญชาจากซุสให้สมรสกับเทพเฮเฟตัสผู้อัปลักษณ์และพิการ ซึ่งเป็นบุตรชายของซุสกับเฮรา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเทพและเทพีทั้งสองกลับไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เทพีแอฟรอไดทีทรงมีความสัมพันธ์กับเทพและชายหนุ่มมากมายที่ไม่ใช่สวามีของตนเอง จนเกิดเรื่องราวนับไม่ถ้วน
หนึ่งในชู้รักของเทพีแอฟรอไดทีทีคือเทพแอรีส เทพแห่งสงครามผู้เป็นบุตรชายอีกองค์ของซุสและเฮรา เทพเฮเฟตัสได้ดัดหลังทั้งคู่ด้วยการวางกับดักตาข่ายไว้ที่เตียงนอน เมื่อถึงเวลาเช้าที่แอรีสจะหลบออกไปจากห้องบรรทมของแอฟรอไดที ทั้งเทพแอรีสและเทพีแอฟรอไดทีจึงรู้ตัวว่าติดกับดัก และต้องทนอับอายต่อการที่ถูกเทพทั้งมวลมองดูร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่อยู่เป็นเวลานาน
นอกจากแอรีสแล้ว แอฟรอไดทียังมีชายชู้อีกหลายคนรวมถึง อะโดนิส และเฮอร์มีสด้วย


บุตร

แอฟรอไดทีมีบุตรกับแอรีส 3 องค์ คือ
  1. อีรอส หรือ คิวปิด ผู้เป็นกามเทพ
  2. แอนติรอส ผู้เป็นเทพแห่งรักที่ไม่สมหวัง การรักตอบ และเป็นผู้ลงโทษผู้ที่ดูถูกความรัก
  3. ฮาร์โมเนีย หรือ เฮอร์ไมโอนี่ ผู้เป็นเทพีแห่งความปรองดอง
บุตรของแอฟรอไดทีกับเฮอร์มีส มี 1 องค์ คือ เฮอร์มาโฟรไดตุส ซึ่งเป็นเทพผู้คุ้มครองเพศที่ 3
นอกจากนี้แอฟรอไดทียังมีบุตรเจ้าชายแอนคีซีสแห่งโทรจันซึ่งเป็นมนุษย์ 1 คน คือ อีเนียส ผู้เป็นกำลังสำคัญในสงครามแห่งทรอย
ตำนาน

แอฟรอไดทีเป็นเทพีที่มีความเกี่ยวข้องกับตำนาน เรื่องเล่า และมหากาพย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมหากาพย์โอดิสซีย์ และอีเลียด ตำนานดอกกุหลาบ ตำนานดอกนาซิสซา ฯลฯ

ในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ แอฟรอไดทีเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสงครามแห่งทรอย นางได้ทำให้ปารีสหลงรักเฮเลน ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกซึ่งเป็นมเหสีของกษัตริย์เมเนลาอุส ทำให้ชาวกรีกทั้งหลายมุ่งหน้าไปยังทรอยเพื่อชิงตัวเฮเลนคืนมา
ส่วนใหญ่แล้วกวีจะมอบบทบาทของหญิงสาวขี้อิจฉาที่ไร้เหตุผลให้กับแอฟรอไดที นางเป็นผู้ลบปัญหาออกจากสมองของนักปราชญ์ บันดาลให้เกิดความรักที่บ้าคลั่งและเป็นไปไม่ได้ นำความทุกข์ใหญ่หลวงมาสู่คู่รักที่นางไม่โปรดปราน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อีรอส ลูกชายของนางกับไซคี
อย่างไรก็ตามในมหากาพย์อีเลียด ของโฮเมอร์ เทพีแอฟรอไดทีเป็นเทพีที่อ่อนแอและนุ่มนวล ซึ่งไม่สามารถทนดูบุตรอานิอัสบุตรชายของตนถูกฆ่าตายในสงครามแห่งทรอยได้ จนไปขอความช่วยเหลือจากซุสเพื่อให้ซุสให้พรกับบุตรชายของนาง ซึ่งซุสก็ได้ให้พรให้อานิอัสได้เป็นบิดาของชนชาติที่จะครองโลก ซึ่งก็คือชนชาวอิตาเลี่ยน


สมัยปัจจุบัน



สมัยปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาของอารยธรรมหนึ่ง ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่แต่ละอารยธรรมจะมีเทคโยโลยีเข้ามาใช้อย่างแพร่หลาย และมีการตระหนักถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี
นักประวัติศาสตร์ได้กำหนดช่วงเวลาที่เป็น "สมัยปัจจุบัน" ของสากลโลกไว้ให้ตรงกับ ค.ศ. 1945 จนถึงปัจจุบันนี้ โดยเริ่มนับจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นต้นมา
ในสมัยใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างเทคโนโลยี และการค้นพบทฤษฎีความรู้ต่างๆ มากมาย แต่ทว่า การใช้เทคโนโลยีอย่างขาดจิตสำนึกทำให้เทคโนโลยีถูกใช้ไปในทางไม่ดีในช่วงปลายของสมัยใหม่ เกิดการแข่งขันสะสมและประดิษฐ์อาวุธอันร้ายแรงของประเทศต่างๆ จนนำไปสู่สงครามโลกถึง 2 ครั้ง ในเวลาเพียง 31 ปี มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 100 ล้านคน เป็นความสูญเสียของมนุษย์ ที่เกิดจากสิ่งประดิษฐ์และการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง
แต่ในช่วงใกล้สิ้นสุดของสมัยใหม่ เกิดการตระหนักในการใช้วิทยาการอย่างถูกวิธีและรอบคอบ แต่ในขณะเดียวกัน การพัฒนาเทคโนโลยีก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง และนับจากนั้น เทคโนโลยีของมนุษย์ก็ไม่เคยถูกจงใจใช้เพื่อสังหารมนุษย์จำนวนมาก ๆ อีกเลย ทำให้สังคมของอารยธรรมนั้นๆ มีสภาพคล้ายกับในช่วงปัจจุบัน ทำให้สมัยใหม่ของอารยธรรมนั้นๆ สิ้นสุดลง และอารยธรรมก้าวเข้าสู่สมัยปัจจุบัน
แต่ถึงกระนั้น ก็มิใช่ว่าสมัยใหม่จะไม่มีสงครามเลย สงครามที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงสมัยปัจจุบัน คือ สงครามเย็น อันเป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์ของระบอบการปกครองระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยกับระบอบคอมมิวนิสต์ ที่ต่างฝ่ายต่างพยายามเปลี่ยนโลกให้มีการปกครองในระบอบที่ฝ่ายตนสนับสนุน มีการใช้อาวุธปืนในการสังหารบ้าง แต่ไม่มีความรุนแรงกว้างขวางไม่มากเท่าสงครามโลกในสมัยใหม่